สายพันธุ์ปลานิล-นิลแดง

เปรียบเทียบสายพันธุ์ปลานิล

กิฟท์ (GIFT)

บิ๊กนิล (Big Nin)

แม็กนิล (Mag Nin)

จุดเด่น

นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในประเทศไทย เด่นเรื่องความทนโรคและเลี้ยงง่าย

เด่นเรื่องการเจริญเติบโตเร็ว

เด่นเรื่องการเจริญเติบโตเร็ว รูปทรงสั้นและหนา

ที่มาของสายพันธุ์

ถูกพัฒนาขึ้นจากปลานิลในธรรมชาติและในฟาร์มหลากหลายสายพันธุ์โดยหน่วยงาน International Centre for Living Aquatic Resources Management (ICLARM) ในประเทศฟิลิปปินส์

น้ำใสฟาร์มพัฒนาสายพันธุ์บิ๊กนิลจากสายพันธุ์กิฟท์ที่ได้มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ในประเทศฟิลิปปินส์

เป็นสายพันธุ์ลูกผสมรุ่นแรก (F1 hybrid) ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากสายพันธุ์กิฟท์ที่มีความทนโรคสูงและสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากสายพันธุ์บิ๊กนิลที่เจริญเติบโตรวดเร็ว

การเจริญเติบโต

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 400 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 740 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 450 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 800 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 450 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 820 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง - ดี

ปานกลาง - ดี

สูงกว่าสายพันธุ์กิฟท์เล็กน้อย

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

6 เดือน

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

สูง

ปานกลาง

ปานกลาง

เปรียบเทียบสายพันธุ์ปลานิล

กิฟท์
(GIFT)

จุดเด่น

นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในประเทศไทย เด่นเรื่องความทนโรคและเลี้ยงง่าย

ที่มาของสายพันธุ์

ถูกพัฒนาขึ้นจากปลานิลในธรรมชาติและในฟาร์มหลากหลายสายพันธุ์โดยหน่วยงาน International Centre for Living Aquatic Resources Management (ICLARM) ในประเทศฟิลิปปินส์

การเจริญเติบโต

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 400 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 740 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง - ดี

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

สูง

บิ๊กนิล
(Big Nin)

จุดเด่น

เด่นเรื่องการเจริญเติบโตเร็ว

ที่มาของสายพันธุ์

น้ำใสฟาร์มพัฒนาสายพันธุ์บิ๊กนิลจากสายพันธุ์กิฟท์ที่ได้มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ในประเทศฟิลิปปินส์

การเจริญเติบโต

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 450 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 800 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง - ดี

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ปานกลาง

แม็กนิล
(Mag Nin)

จุดเด่น

เด่นเรื่องการเจริญเติบโตเร็ว รูปทรงสั้นและหนา

ที่มาของสายพันธุ์

เป็นสายพันธุ์ลูกผสมรุ่นแรก (F1 hybrid) ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากสายพันธุ์กิฟท์ที่มีความทนโรคสูงและสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากสายพันธุ์บิ๊กนิลที่เจริญเติบโตรวดเร็ว

การเจริญเติบโต

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 450 กรัม เมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียว และโตเป็นขนาด 820 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

สูงกว่าสายพันธุ์กิฟท์เล็กน้อย

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ปานกลาง

เปรียบเทียบสายพันธุ์ปลานิลแดง

แดงไทย (Thai Red)

แดงไต้หวัน (Taiwanese Red)

พันธุ์ผสม R2 Red

จุดเด่น

โตเร็ว ตัวอ้วนกลม

สีแดงจัด และค่อนข้างทนโรค

โตเร็ว รูปร่างดี สันหนา สีแดงจัด และทนโรค เป็นสายพันธุ์ที่น้ำใสฟาร์มผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน

ที่มาของสายพันธุ์

สายพันธุ์ Thai red ถูกนำเข้ามาประเทศไทยในช่วงประมาณปีพ.ศ. 2513 และน้ำใสฟาร์มได้รับสายพันธุ์ดังกล่าวมาปีพ.ศ. 2543

น้ำใสฟาร์มได้รับปลาสายพันธุ์นี้มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาในประเทศไทยซึ่งนำเข้าปลาจากไต้หวันในปีพ.ศ. 2540 และใช้เวลา 4 ปีในการพัฒนาสีของสายพันธุ์นี้ก่อนจะนำออกสู่ตลาดในปีพ.ศ. 2544

R2 red เป็นสายพันธุ์ลูกผสมรุ่นแรก (F1 hybrid) ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากพันธุ์ Thai red กับสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากพันธุ์ไต้หวัน ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

การเจริญเติบโต

(ประเทศไทยไม่เลี้ยงปลานิลแดงในบ่อน้ำเขียว)

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 730 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 700 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 780 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง - ดี

ปานกลาง

ปานกลาง – ดี

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

6 เดือน

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ต่ำ – ปานกลาง

ปานกลาง

ปานกลาง

เปรียบเทียบสายพันธุ์ปลานิลแดง

แดงไทย
(Thai Red)

จุดเด่น

โตเร็ว ตัวอ้วนกลม

ที่มาของสายพันธุ์

สายพันธุ์ Thai red ถูกนำเข้ามาประเทศไทยในช่วงประมาณปีพ.ศ. 2513 และน้ำใสฟาร์มได้รับสายพันธุ์ดังกล่าวมาปีพ.ศ. 2543

การเจริญเติบโต

(ประเทศไทยไม่เลี้ยงปลานิลแดงในบ่อน้ำเขียว)

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 730 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง - ดี

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ต่ำ – ปานกลาง

แดงไต้หวัน
(Taiwanese Red)

จุดเด่น

สีแดงจัด และค่อนข้างทนโรค

ที่มาของสายพันธุ์

น้ำใสฟาร์มได้รับปลาสายพันธุ์นี้มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาในประเทศไทยซึ่งนำเข้าปลาจากไต้หวันในปีพ.ศ. 2540 และใช้เวลา 4 ปีในการพัฒนาสีของสายพันธุ์นี้ก่อนจะนำออกสู่ตลาดในปีพ.ศ. 2544

การเจริญเติบโต

(ประเทศไทยไม่เลี้ยงปลานิลแดงในบ่อน้ำเขียว)

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 700 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ปานกลาง

พันธุ์ผสม R2 Red

จุดเด่น

โตเร็ว รูปร่างดี สันหนา สีแดงจัด และทนโรค เป็นสายพันธุ์ที่น้ำใสฟาร์มผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน

ที่มาของสายพันธุ์

R2 red เป็นสายพันธุ์ลูกผสมรุ่นแรก (F1 hybrid) ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากพันธุ์ Thai red กับสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากพันธุ์ไต้หวัน ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

การเจริญเติบโต

(ประเทศไทยไม่เลี้ยงปลานิลแดงในบ่อน้ำเขียว)

ลูกปลาขนาด 0.2 กรัม ใช้เวลา 6 เดือน ในการเจริญเติบโตเป็นขนาด 780 กรัม เมื่อเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

ผลผลิตเนื้อ

ปานกลาง – ดี

วัยเจริญพันธุ์

6 เดือน

อัตราการให้ไข่

30 - 50 ฟอง/ตารางเมตร/วัน ในกระชังวางไข่

ความทนโรค

ปานกลาง

รู้หรือไม่?

ปลานิลแดงจะมีสีแดงจัดเมื่อเลี้ยงในบ่อน้ำเขียวและในกระชังที่อยู่ในแหล่งน้ำใสสะอาด และจะมีสีซีดเมื่อเลี้ยงในอ่างปูนและในกระชังที่อยู่ในน้ำขุ่น นอกจากนี้ชนิดของอาหารก็มีส่วนต่อระดับความเข้มของสีปลานิลแดง